The GED (General Education Development) is equivalent to a US high school diploma. This course comprises five compulsory subjects:
– Language Arts Writing
– Language Arts Reading
– Social Studies
– Science
– Mathematics
GED คือ หลักสูตรสำหรับเทียบวุฒิมัธยมปลาย ของอเมริกา
GED (General Education Development)คือ หลักสูตรสำหรับการสอบเทียบ High School ของอเมริกา ผู้สอบต้องมีอายุ 17 ปีขึ้นไปในอเมริกาผู้สอบมักเป็นผู้ใหญ่ซึ่งต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แต่ในประเทศไทยมักเป็นเด็กวัยรุ่น เพราะ นักเรียนที่เรียนแบบ home school ต้องใช้วุฒิเทียบเท่า ม 6 ในการศึกษาต่อ และ GED มีวิชาที่ต้องสอบ ชัดเจน คือ Mathematics , Reading & Writing , Social studies , Scienceเนื้อหาในข้อสอบนั้น เป็นไปตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกา ถ้าสอบผ่านทุกวิชา ก็จะได้ Transcript ซึ่งจะแจกแจงคะแนนในแต่ละวิชา และ Diploma เป็นใบประกาศนียบัตร เทียบเท่ากับวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลาย เนื่องด้วยเป็นระบบการศึกษาที่เรียนรู้ ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ จึงทำให้เป็นที่นิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ทำให้ การวางแผนการเรียนง่ายขึ้นมาก และในปี 2014 GED ได้เปลี่ยนหลักสูตรใหม่ ซึ่ง ถูกพัฒนาโดยPearson ซึ่งเป็นองค์กร การศึกษาระดับโลกอีกด้วยข้อสอบจึงมีการเปลี่ยนแปลง บ้างนิดหน่อยเดี๋ยวจะได้ดูรายละเอียด ในหัวข้อต่อๆไปนะครับ แต่อย่างไรก็ตาม ตรงตามหลักสูตรของอเมริกาอย่างแน่นอน
ตารางสอบ สถานที่สอบ GED
ในการ สอบ GED มีสอบเกือบทุกวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ และ ตลอดทั้งวัน 9.00 – 16.00 นักเรียนสามารถเลือกได้เลยว่าจะสอบวิชาใดก่อน แต่ต้องเลือกวิชาสอบและจองเวลาสอบก่อนล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะห้องสอบไม่ใหญ่มากถ้าเต็มจะไม่ได้สอบโดยเข้าไปที่ www.gedtestingservice.com กรอกusername, passwardเลือกสนามสอบ วิชาที่จะสอบ เวลาที่จะสอบ และ ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ค่าสอบต่อหนึ่งวิชาคือ $30 และแนะนำนักเรียนว่าควรสอบวันละ หนึ่งวิชาพอนะครับ เพราะหากจัดตารางสอบแบบเร่งรีบ หลายวิชาในหนึ่งวัน จะเหนื่อยมากครับ และที่สำคัญคะแนนก็จะไม่ดี ถ้าสอบไม่ผ่านต้องรออีก 90 วันเชียวนะครับ ถึงจะกลับมาสอบซ่อมใหม่ได้ ใน กทม สอบที่ ชั้น 3 อาคารชาญอิสระ 2 ถ.เพชรบุรี หรือนั่ง บีทีเอส ลงสถานีทองหล่อ ต่อรถมอเตอร์ไซด์ 30-40 บาท จะสามารถเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดได้ เพราะถ้าสอบ สายหน่อยรถจะติดมากเลย แถวนั้น ผู้สอบต้องไปถึงก่อนเวลาประมาณ 15 นาที เพื่อทำการเซ็นชื่อ ถ่ายรูปหน้าห้องสอบ ยื่นหลักฐานบัตรประชาชน หนังสือเดินทางตัวจริงถอดนาฬิกา ฝากของทุกอย่าง ในลอคเกอร์และนั่งรอคิวจนมีเจ้าหน้าที่มาเรียกไปสอบครับ
การสมัครสอบ GED
ผู้สมัครสอบใหม่ ต้องเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัวที่ www.gedtestingservice.com เท่านั้น เมื่อได้ username, passward มาแล้ว ให้จดไว้นะครับ ห้ามลืม !! เพราะหลังจากนี้ไป จะใช้ username, passward อันเดียวกันนี้ สำหรับการ log in เพื่อสมัครสอบเลือกวิชาที่จะสอบ วันเวลาที่จะสอบตลอดไปข้อควรระวังคือ ต้องกรอกข้อมูลด้วยความละเอียดรอบคอบโดยเฉพาะชื่อ นามสกุล ต้องสะกดถูกทุกตัวอักษร เป๊ะๆๆมิเช่นนั้น เจ้าหน้าที่จะไม่ให้เข้าสอบอย่างเด็ดขาด และเมื่อเลือกวิชาสอบ วันเวลาที่สอบเสร็จแล้ว ให้เตรียมบัตรเครดิต พร้อมเลขบัตร เพราะค่าสอบจะทำการหักผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น หากไม่มี ให้นำบัตรเดบิตที่มีอยู่ไปติดต่อขอลงทะเบียนที่ธนาคารก่อนนะครับธนาคารจะช่วยเราได้ครับ
ปี 2015 ข้อสอบ GED เริ่มเปลี่ยนหรือยังครับ ?
ข่าวดีครับ ในประเทศไทยข้อสอบเป็นแบบ international ยังไม่มีการเปลี่ยนรูปแบบครับ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงนะครับ ข้อสอบยังคงมีรูปแบบเหมือนเดิมครับ The 2002 Series GED® Test. 5 วิชาที่ต้องสอบ ยังคงมีเหมือนเดิมต่อไปนี้
โดยต้องสอบผ่านทุกวิชานะครับ คือแต่ละวิชาต้องเกิน 410 และ ต้องได้คะแนนรวม 2,250 +++ และ ผู้ที่จัดการสอบ คือ Pearson และจากการหาข้อมูลPearson ทำหลายอย่างครับ แต่ในประเทศไทยจะรู้จัก เพราะเค้าจัดทำหนังสือดีๆ หลายวิชาครับ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.pearsonvue.com สำหรับค่าสอบในปีนี้ 2014 ค่าสอบยังคงเดิมอยู่ค่ะ คือ $50 ต่อหนึ่งวิชา เทียบเงินไทย ก็อยู่ที่ประมาณ 1,600+++ สอบทั้ง 5 วิชา อยู่ที่ 8,000++ บาท
GED นี่พอสอบผ่านแล้วต้อง ไปเทียบวุฒิ ที่กระทรวงศึกษาธิการ ใช่มั้ยครับ ?
อันนี้ก็เป็นข่าวดีครับ เพราะกระทรวงศึกษาธิการ ระบุไว้ชัดเจนว่า ไม่ต้องไปทำเรื่องแล้วครับ สามารถนำ diploma ที่ได้ ไปยื่นเพื่อเป็นวุฒิ ที่เทียบเท่าชั้น มัธยมศึกษา ปีที่ 6 ได้เลยครับ เมื่อเข้าไปที่ http://bet.obec.go.th เลือกการเทียบวุฒิการศึกษาต่างประเทศ แล้วเลือกประกาศของ GED
เป็นเอกสาร pdfสั่งพิมพ์ ออกมาได้สะดวกครับ ถ้ามหาวิทยาลัยขอ ก็ยื่นพร้อมกับ diploma ก็ได้เพื่อความสบายใจ
จุฬาฯ ยังรับผลสอบ GED หรือไม่ครับ ?
ยังรับอยู่ครับ แต่การจะเข้าจุฬาฯ ต้องสอบหลายวิชาครับ ไม่แค่เฉพาะ GED อันนี้มีผู้ปกครองเข้าใจผิดเยอะเลยครับ ขออธิบายง่ายๆ ดังนี้นะครับการจะเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยทั้งในไทยหรือต่างประเทศ ส่วนใหญ่ต้องใช้เอกสารเหล่านี้ครับ
ฉะนั้นจากข้อมูลที่ให้ไป นักเรียนและผู้ปกครอง จะได้มีความเข้าใจ มากขึ้นค่ะว่า การที่มหาวิทยาลัย ประกาศว่ายังรับผลGED นั้นไม่ได้หมายความว่าจะเอาไปยื่นแล้ว มหาวิทยาลัยจะรับเข้าเลยแต่เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น ยังมีขั้นตอน อีกมาก และ ต้องเตรียมตัว ติว หรืออ่านหนังสืออีกหลายวิชาเลยทีเดียว จึงควรเตรียมตัวสอบ GED ให้เสร็จตั้งแต่ต้นปี จะได้มีเวลาสอบ วิชาอื่นๆ โดยไม่เหนื่อยเกินไป และ นักเรียน GED สามารถเข้าต่อได้ ทั้งจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ มหิดล รวมถึง ต่างประเทศด้วยครับ
ข้อสอบ GED ไม่ยากอ่านหนังสือสอบเอง สมัครสอบเอง ได้มั้ยครับ ?
ข้อสอบ GED เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และทำการสอบบนคอมพิวเตอร์ การสมัครสอบมีเพียงวิธีเดียวคือสมัครในเว็บ www.gedtestingservice.com ในประเทศไทยต้องเลือกแบบ international สนามสอบที่ตึก ชาญอิสระ 2 ถนนเพชรบุรี หรือ นั่ง บีทีเอส ลงทองหล่อ นั่งมอเตอร์ไซต์ ก็เร็วดีครับ หนังสือที่ไทยมีขาย ทุกเล่มดีหมดครับ ฉะนั้นถ้าถามว่าอ่านเองได้ใช่มั้ย ได้แน่นอนคระบ จะได้ไม่เสียเงินติว เสียเงินเดินทางมาเรียน แต่ห้ามตกนะครับ เพราะถ้าตก คือมีคะแนนวิชาใด ต่ำกว่า 410 ต้องสอบซ่อมใหม่ โดยเว้นระยะ 90 วัน
GED คืออะไร
GED คือ General Educational Development เป็นการสอบที่เทียบเท่ากับวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายในประเทศไทย ตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกา เป็นที่ยอมรับในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีภาคภาษาอังกฤษ (International Program) นักเรียนอาจจะรู้จัก GED ในคำอื่น เช่น High School Diploma, Equivalent M.6, Accredited เป็นต้น
นักเรียนจะต้องได้คะแนนรวม 2,250 จากคะแนนเต็ม 4,000 หรืออย่างน้อย 410 คะแนนในทุกวิชา
เมื่อสอบผ่าน GED ครบทั้ง 5 วิชา นักเรียนจะได้วุฒิการศึกษาโดยผ่านการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนหน้านี้การสอบ GED นั้นจะถูกจัดโดย Prometric ซึ่งสามารถสอบได้ในหลายๆ ประเทศรวมทั้งประเทศไทย แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ GED ได้ถูกโยกย้ายเข้าสู่ระบบการดูแลใหม่ภายใต้ Pearson นั่นเอง
สามารถใช้ GED ยื่นเข้าสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยนานาชาติในประเทศไทยได้ เช่น วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น
ทำอย่างไรถ้าสอบ GED ไม่ผ่าน
สามารถลงสอบได้ใหม่หลังจากคะแนนออกแล้ว และหากต้องการ Re-score คะแนนให้สูงขึ้น สามารถทำได้โดยลงสอบใหม่ หลังจากสอบเสร็จประมาณ 15-30 วัน ระบบจะทำการ Merge คะแนนใน Transcript โดยนับเอาคะแนนที่สูงสุด
ค่าสอบ GED วิชาที่สอบ ค่าสอบ
Mathematics – $119
Social Studies – $119
Science – $119
Language Arts, Reading – $119
Language Arts, Writing – $147
เนื้อหาการเรียน และการสอบ GED
รายวิชาสอบประกอบด้วย 5 วิชา คือ Mathematics, Science, Social Studies, Language Arts, Reading, and Language Arts, Writing โดยเกณฑ์คะแนนผ่านอยู่ที่ 2,000 และหัวข้อในการสอบยังคงเหมือนเดิมรวมทั้ง Topic ใน Essay Writing
นอกจากนี้จำนวนข้อสอบในแต่ละรายวิชายังเท่าเดิม แต่ในส่วนของวิชา Language Arts, Writing นันแม้จะมีการแบ่งเป็น 2 ส่วนเหมือนเดิม หากแต่เมื่อนักเรียนทำส่วนที่ 1 (Grammar) แล้วและข้ามไปทำส่วนที่ 2 (Essay) จะไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขในส่วนที่ 1 ได้อีก ดังนั้นการรู้จักประเมินเวลาและแบ่งเวลาให้เพียงพอนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสอบ Language Arts, Writing
GED กับเส้นทางสู่มหาวิทยาลัย
ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรจึงจะสอบ GED ได้
สอบได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี
เนื้อหาการสอบ GED เป็นอย่างไร
การสอบนักเรียนต้องทำการสอบทั้งหมด 5 วิชาหลัก ดังนี้ Language Arts; Writing, Social Studies, Science, Language Arts; Reading และ Mathematics โดยแต่ละวิชาจะมีคะแนนเต็ม 800 คะแนน ผู้สอบต้องสอบให้ได้อย่างน้อย 410 คะแนนขึ้นไปต่อวิชาและได้คะแนนรวม 5 วิชาตั้งแต่ 2,000 คะแนนขึ้นไปจึงจะถือว่าสอบผ่านตามข้อกำหนดของหลักสูตร GED
วิชาส่วนใหญ่ที่สอบเป็นการสอบแบบปรนัย ยกเว้นข้อสอบวิชา Writing ที่เป็นการเขียนบทความ (Essay) ที่ต้องเขียนตอบ และมีบางส่วนของวิชา คณิตศาสตร์ ที่ต้องตอบด้วยคำตอบสั้นๆ มาดูกันว่าแต่ละวิชาลักษณะข้อสอบเป็นอย่างไรกันบ้าง
Language Arts; Writing การสอบ Writing + Reading Skills จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 เกี่ยวกับโครงสร้างรูปประโยค, การใช้และการเชื่อมต่อประโยคและการอ่านข้อความจากสื่อต่างๆ แล้วนำมาแก้ไข ปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องตามหลักมาตรฐานของ Edited American English (หรือเทียบเท่าในภาคภาษาสเปน และภาษาฝรั่งเศส)
ส่วนที่ 2 จะเป็นการเขียนบทความ (Essay) ตามหัวข้อที่กำหนดให้ การให้คะแนนบทความนั้นจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น เน้นประเด็นสำคัญ ความชัดเจนของโครงร่าง การใส่ความคิดเห็นใหม่ๆ และดูการใช้ภาษาที่ถูกต้อง ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้คำ การสะกดคำและการเว้นวรรค ทั้งนี้จะไม่มีการกำหนดจำนวนคำแต่ผู้สอบต้องเขียนให้ได้มากพอที่จะเข้าใจความหมาย
Social Studies เนื้อหาวิชาจะครอบคลุมประวัติศาสตร์อเมริกา ประวัติศาสตร์โลก การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ และภูมิศาสตร์
Science เนื้อหาวิชาจะเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา
Language Arts; Reading ข้อสอบจะประกอบไปด้วย 5 บทความจากหนังสือนวนิยาย (Fiction) และ 2 บทความจากหนังสือ non-fiction โดยผู้สอบต้องอ่านแล้วทำความเข้าใจ เพื่อใช้ในการตอบคำถาม
Mathematicsข้อสอบคลอบคลุม บวก ลบ คูณ หาร, เลขสถิติ,เรขาคณิต, พีชคณิต จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขได้ ซึ่งเป็นแบบตามที่ศูนย์สอบกำหนดเท่านั้น
ส่วนที่ 2 ไม่อนุญาตให้ใช้ เนื้อหาวิชาจะเกี่ยวกับเรขาคณิต พีชคณิต เลขคณิต และการแก้โจทย์ต่างๆ
ถ้าสอบ GED ไม่ผ่านต้องทำอย่างไร
สามารถลงสอบได้ใหม่หลั
โดยปกตินักเรียนสามารถนำผลสอบที่ผ่านแล้วไปเทียบวุฒิ ม.6 จาก กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งวุฒินี้สามารถเก็บไว้ได้ตลอดไป ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการสมัครเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ทั้งในประเทศ (International Program) และต่างประเทศได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน น้อง ๆ ไม่ต้องมีการเทียบวุฒิม. 6 ที่กระทรวงศึกษาธิการอีกต่อไปสามารถใช้ Diploma ที่ส่งตรงมาจากอเมริกาในการยื่นคะแนนได้เลย
ค่าใช้จ่ายในการสอบ GED เป็นอย่างไร
ผู้เรียนสามารถลงทะเบียนสอบได้ผ่านเว็บไซท์ โดยชำระค่าสมัครสอบผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิตซึ่งมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายและเวลาในการสอบดังต่อไปนี้
วิชาที่สอบ | ค่าสอบ | เวลาที่ใช้สอบ |
Mathematics | $116 | 1 h 30 m |
Science | $116 | 1 h 35 m |
Social Studies | $116 | 1 h 25 m |
Language Arts, Reading | $116 | 1 h 05 m |
Language Arts, Writing | $143 | 2 h 30 m |
Linked: Mathematics, Science, and Social Studies | $237 | |
Linked: Language Arts, Reading and Language Arts, Writing | $185 |
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงขั้นตอนแรกของนักเรียนเท่านั้น ณ. จุดนี้นักเรียนก็จบม.ปลายโดยสมบูรณ์ แต่จะเข้าคณะอะไร มหาวิทยาลัยไหนนั้น ก็ต้องไปตามสอบตามที่ทางคณะฯ นั้น ๆ กำหนดไว้อีกที โดยทั่วไปถ้าเข้ามหิดลฯ ก็จะต้องมีคะแนน TOEFL Mahidol เข้าธรรมศาสตร์ก็ต้องมี TUGET และ SMART หรือถ้าเข้ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ IELTS ก็เป็นที่ยอมรับในหลายคณะเช่นกัน
ปัจจุบันทางเลือกในการเรียนนั้นมีมากมาย ผู้ปกครองหลาย ๆ ท่านก็มีมุมมองในเรื่องการศึกษาของบุตรที่แตกต่างกันไป บ้างก็ส่งลูกเรียนในระบบการศึกษาทั่วไปในประเทศไทย บ้างก็ส่งลูกเรียนโรงเรียนเอกชนหรือนานาชาติเพื่อหวังที่จะให้ได้ทักษะบางอย่างที่เพิ่มขึ้นและกลายเป็นประโยชน์สำหรับลูกของท่านเองในที่สุด บ้างก็เลือกที่จะส่งบุตรหลานไปเรียนต่อยังต่างประเทศตั้งแต่วัยเด็ก
การส่งลูกไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่วัยเด็กนั้นเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ปกครองบางกลุ่มมองว่าระบบการศึกษาในประเทศไทยนั้นยังไม่ดีพอ อย่างไรก็ตามเส้นทางการศึกษานั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่คิด
นักเรียนบางคนไม่สามารถเรียนจนกระทั่งจบมัธยมปลายได้ บ้างก็ได้ถึงมัธยมต้นเท่านั้น สาเหตุนั้นก็หลากหลาย บางคนก็คิดถึงบ้าน พ่อแม่เองบางครั้งก็คิดถึงลูกมากจึงให้กลับมา บ้างก็สงสารลูกเนื่องจากลูกต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมในต่างประเทศอย่างมาก เรียกได้ว่าหลากหลายสาเหตุที่ทำให้สุดท้ายแล้วต้องกลับมาเมืองไทยก่อนที่จะจบมัธยมปลาย
ดังนั้นการวางแผนการเรียนต่อในประเทศไทยก็กลับมาเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง แต่จะทำอย่างไรเล่าเมื่อยังไม่ได้วุฒิการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับที่จะศึกษาต่อในชั้นมหาวิทยาลัยต่อไป
GED เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ปกครองหลาย ๆ ท่าน จะเห็นได้ว่าผู้ปกครองที่ส่งน้อง ๆ ไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์บ้าง อินเดียบ้างและมีเหตุที่จะต้องให้น้องต้องกลับมาก่อนที่จะจบชั้นมัธยมปลายนั้นหันมาใช้การสอบ GED เป็นการแก้ปัญหาที่จะให้น้องได้รับวุฒิการศึกษามัธยมปลายและมีคุณสมบัติเบื้องต้นพร้อมสำหรับการสอบต่าง ๆ ที่จะเข้ามหาวิทยาลัยต่อไป
คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของน้อง ๆ นักเรียนทั้งหลายที่จะต้องมาเสริม มาเติมความรู้เกี่ยวกับ GED กันซักหน่อยก่อนที่จะเข้าสนามสอบจริง
การเพิ่มความมั่นใจในการสอบ GED นั้นสามารถทำได้โดยการเตรียมความพร้อมให้ดี ศึกษาล่วงหน้าว่าลักษณะข้อสอบGED ในแต่ละวิชาเป็นอย่างไร ทางเลือกในการศึกษาแนวข้อสอบก็มีทั้งการอ่านเองโดยการเลือกซื้อหนังสือตามท้องตลาดมาอ่าน หรือเลือกที่จะใช้ตัวช่วยคือการมาติวเข้ม GED ตามสถาบันต่าง ๆ ซึ่งก็คงต้องพิถีพิถันในการเลือกสถาบันให้ดีหน่อย ถ้าจะให้ดีเลือกสถาบันที่ติวเตอร์มีประสบการณ์จริงในการสอบ การสอน จะดีที่สุด
Test Content
The five GED subjects are tested in the form of multiple-choice questions.
The candidates can earn a maximum of 800 points on each of the 5 GED tests. The minimum requirement to pass a test is 410 points. The minimum requirement to pass all five tests is a combined total of 2250 points. Anybody who is interested in taking the test can register online at http://www.gedtestingservice.com/testers/international or ask us to assist you with the registration. Registration is possible throughout the year. If candidates do not meet the minimum score requirements, they can retake the test after a 90-day period.
สอนโดย อดีตนักศึกษาแพทย์มหิดลชั้นปีที่ 6 (extern) ที่มีเกรดเฉลี่ยรวมดีเยี่ยมถึงเกณฑ์มีสิทธิ์ได้รับทุนคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นอาจารย์แพทย์ด้านการวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์(Ph.D.) ถึงระดับปริญญาเอก
ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาครูพี่ top และประกอบกิจการส่วนตัว
ติดต่อ tel : 08-4455-0520
www.kru-top.com
E-mail : topne_911@hotmail.com
kru_top@live.com
Line ID : toffykung 123
Instagram : tutortop
อ่านประวัติผู้สอนเต็มๆ คลิกที่นี่
ความเห็นจากเพื่อนๆที่ประสบความสำเร็จหลังจากมาเรียนกับครูพี่ top คลิกที่นี่
กวดวิชา สอนพิเศษ ติวเตอร์ เรียนพิเศษติวตัวต่อตัว เรียนพิเศษ รับสอนพิเศษ ครูสอนพิเศษ รับติว โรงเรียนกวดวิชา สถาบันกวดวิชา โรงเรียนสอนพิเศษติว สถาบันสอนพิเศษติว ติวทำเกรด ติวสอบเข้าสอบแข่งขัน ติว ติวเสริมเพิ่มเกรด ติวสอบ ติวสอบเข้า ติวตัวต่อตัว เรียนตัวต่อตัว สอนพิเศษตัวต่อตัว ครูสอนตัวต่อตัว สอนเดี่ยว/กลุ่มย่อย ติวเดี่ยว/กลุ่มย่อย เลข คณิต คณิตศาสตร์ วิทย์ วิทยาศาสตร์