ติวสอบ SAT-1 (Math)  …สำหรับlinkหน้า SAT2 >>clickที่นี่

เกริ่นนำ

ข้อสอบ SAT คืออะไร?
SAT คือ การสอบความถนัดในวิชาเลขและภาษาอังกฤษ เป็นข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยของอเมริกา เช่นเดียวกันกับมหาวิทยาลัยหลักสูตรนานาชาติในไทยก็ใช้เป็นเกณฑ์ เช่น โปรแกรมนานาชาติใน จุฬาฯ และ ธรรมศาสตร์ ดังนั้นน้องๆ ที่ต้องใช้ผลสอบ SAT ให้พี่ๆ ช่วยแนะนำข้อมูลนะครับ

SAT เคยถูกเรียกว่า Scholastic Assessment Test หรือ Scholastic Aptitude Test 1 และ SAT II หรือ Scholastic Aptitude Test II แม้กระทั่ง Achievement Test หรือ Act แต่ในตอนนี้ SAT ไม่มีความหมายดังกล่าวอีกต่อไป จะเรียกแต่เพียง SAT Reasoning Test

ข้อสอบ SAT นั้นทดสอบความสามารถในการใช้เหตุผลเช่นเดียวกับข้อสอบความถนัดทั่วไปที่จัดสอบโดย สทศ.

SAT คือการทดสอบความถนัดในวิชาเลข (Mathematics) และภาษาอังกฤษ (Verbal) โดยนับเป็นข้อสอบเข้าระดับอุดมศึกษาของประเทศอเมริกา เช่นเดียวกันหลายๆ มหาวิทยาลัยหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทยก็ใช้ข้อสอบ SATเป็นเกณฑ์การคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เนื้้อหาการสอบของวิชาภาษาอังกฤษนั้นมีความเข้มข้นและเรียกได้ว่าต้องอาศัยความคุ้นเคยกับแนวข้อสอบและความจำที่ดีของนักเรียน เนื่องจากในส่วนของ Sentence Completion (Verbal) นั้น นักเรียนจะต้องเรียนรู้คำศัพท์เฉพาะของSAT กว่า 1,000 คำ และต้องใช้ความว่องไวในการตอบข้อสอบด้วย จึงนับได้ SAT เป็นเกณฑ์ตัดสินที่มีประสิทธิภาพมาก

เช่นเดียวกันในส่วนของวิชาคณิตศาสตร์ถึงแม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการเรียนการสอนในประเทศไทยซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่มีความถนัดและความเข้าใจทางด้านคณิตศาสตร์ค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ดี แต่นักเรียนอาจประสบปัญหาการทำ ความเข้าใจกับโจทย์ซึ่งมักจะยาวกว่าปกติและมีความซับซ้อนมาก

ดังนั้นหากมีความมุ่งมั่่นในการสอบ SAT อย่างจริงจัง นักเรียนจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างน้อย 6 เดือน ทั้งนี้รวมไปถึงการทดลองลงสนามสอบและการเตรียมตัวในส่วนของเนื้อหา

SAT ข้อสอบวัดความถนัดทางด้านคณิตศาสตร์ (Mathematics) และภาษาอังกฤษ (Verbal) โดยเป็นข้อสอบเข้าระดับอุดมศึกษาของประเทศอเมริกาและ มหาวิทยาลัยหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทย

SAT II ข้อสอบวัดความถนัดทางด้านฟิสิกส์ เคมีและชีววิทยา สำหรับนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อในคณะวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น

คะแนนของ SAT นั้นจะแสดงผลจาก Verbal และ คณิตศาสตร์ โดยจะมีคะแนนในช่วง 200 ถึง 800 นักเรียนต้องติดต่อกับทางสถาบันที่ต้องการสอบเข้าและสอบถามถึงคะแนนที่สถาบันนั้นๆ ต้องการเพื่อที่จะได้เตรียมตัวได้ถูก

ข้อสอบ SAT และผลคะแนนสอบ

ข้อสอบ SAT แบ่งออกเป็น 7 section เวลาในการสอบคือ 3 ชั่วโมง โดยจัดแบ่งข้อสอบดังนี้

  • SAT Verbal: มี 3 ส่วน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Reading, Grammar และ Analytical Reasoning โดยมีรูปแบบของคำถามเป็น Analogies, Sentence Completion และ Critical Reading ระยะเวลาของการสอบคือ 1 ชั่วโมง 15 นาที
  •  SAT Math: มี 3 ส่วนเช่นกัน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Algebra, Arithmetic และ Geometry โดยมีรูปแบบของคำถามแบบ Quantitative Comparisons (QCs), Regular Math และ Grid-ins ระยะเวลาของการสอบคือ 1 ชั่วโมง 15 นาที
  •  Experimental: การสอบใน 1 section ที่เหลือนี้ จะเป็นเรื่องของบททดสอบ ซึ่งอาจเป็นทางด้านของ Verbal หรือ Math และใช้เป็นข้อมูลภายในของ ETS เท่านั้น คะแนนในส่วนนี้ จะไม่นำมารวมกับคะแนนในส่วนอื่นๆ

ผลคะแนน SAT

ผู้สอบจะได้รับคะแนนแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนของ Math และส่วนของ Verbal ในแต่ละวิชานี้ จะมีระดับคะแนนอยู่ในช่วง 200 – 800 โดยระดับคะแนนเฉลี่ยของทั้งประเทศจะอยู่ในช่วงประมาณ 500 ของแต่ละวิชา หรือคะแนนรวม 1,000 อย่างไรก็ดี สถาบันการศึกษาที่มีอัตราการแข่งขันค่อนข้างสูง มักต้องการระดับคะแนนที่สูงกว่านี้มาก

ระดับ คะแนนที่แต่ละสถาบันการ ศึกษาต้องการ จะมีความแตกต่างกันไป แต่อย่างไรก็ดี สถาบันการศึกษาเหล่านี้ ก็พิจารณาปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย รวมถึง GPA และใบรายงานผลการเรียน จดหมาย recommendation การสัมภาษณ์ และการเขียนบทความเกี่ยวกับตัวเองของนักศึกษา นอกจากนี้ สถาบันการศึกษาทุกแห่งยังสามารถรับพิจารณาผล ACT แทนผล SAT ได้

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ SAT รวมถึงการสมัคร online: www.collegeboard.com

SAT

SAT เป็นข้อสอบ admission กลางในการเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 1926 โดยในแต่ละปีมีผู้เข้าสอบถึง 1.66 ล้านคนทั่วโลกในปี 2012 สำหรับประเทศไทยนั้นก็มีเปิดให้สอบเช่นเดียวกัน และสามารถใช้คะแนน SAT เป็นคะแนนเข้ายื่นสมัครใน มหาลัยชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาลัยธรรมศาสตร์ ในหลักสูตรนานาชาติ โดยแต่ละคณะนั้นจะมีเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำแตกต่างกัน

SAT นั้นจะแบ่งเป็น 3 ส่วน เลขหนึ่งส่วน อังกฤษสองส่วน คือ Maths, Writing, Critical Reading โดยคะแนนในแต่ละส่วน จะมีคะแนนเต็ม 800 รวมทั้ง 3 ส่วนเป็นคะแนนรวม 2400 คะแนนเวลาที่ (ส่วนมากในประเทศไทยนั้นจะใช้คะแนนเพียง 2 ส่วน คือ Maths, Critical Reading รวม 1,600 คะแนน) สามารถสอบได้ปีละ 6 ครั้ง สามารถเลือกครั้งที่ได้คะแนนรวมมากที่สุด แต่ไม่สามารถเอาคะแนนแต่ละส่วนของคนละครั้งที่สอบมารวมกันได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการเตรียมตัวสอบ

รายละเอียดการสอบ SAT

Critical Reading: รูปแบบคำถาม 2 ประเภทด้วยกันคือ

  1. Sentence Completion (เติมคำในช่องว่าง) วัดความรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษจำนวน 19 ข้อ
  2. Critical Reading (ตอบคำถามจากการอ่าน) วัดความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ (Critical reading) จากบทความ 48 ข้อ

ข้อสอบมีทั้งหมด 67 ข้อ มีระยะเวลาในการทำ 70 นาที โดยคำถามจะเป็นแบบปรนัย (multiple choice) ทุกข้อ

Writing: ทดสอบความสามารถทางไวยกรณ์ (Grammar) และการเขียนเรียงความ (Essay) มีรายละเอียดดังนี้

  1. Identifying sentence errors จำนวน 18 ข้อ
  2. Improving sentences จำนวน 25 ข้อ
  3. Improving paragraphs จำนวน 6 ข้อ
  4. Essay Writing (เขียนเรียงความ 1 เรื่อง)

รวมทั้งหมด 49 ข้อและ 1 เรียงความ เวลาในการทำ 60 นาที คำถามจะเป็นแบบปรนัย (multiple choice)

Mathematicsข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์เป็นแบบปรนัย (multiple choice) 44 ข้อ และ student-produced response question (grid-ins) 10 ข้อ รวมทั้งหมด54 ข้อ  เวลาในการทำ70นาที เนื้อหาที่สอบตรอบคลุม

  1. Number and operations
  2. Algebra and functions
  3. Geometry and measurement
  4. Data analysis, statistics and probability
  5. Exponential & square root
  6. Percentage, ratios and proportions

>>ลิ้งค์ข้อสอบเก่าคลิกที่นี่(รอแพ๊พ)

 

เพิ่มเติม

SAT I คือ SAT มีชื่อเต็มว่า Scholastic Assessment Test หรือที่รู้จักทั่วไปว่า “SAT I”

            เป็นข้อสอบที่ใช้วัดระดับความรู้ความสามารถของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (High School) ที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี โดยนักเรียนที่สอบ SAT I สามารถนำคะแนนที่สอบได้ ไปสมัครเรียนได้ทุกมหาวิทยาลัย การสอบ “SAT I” จะประกอบด้วยข้อสอบ 3 ส่วน คือ Critical Reading, Math และ Writing โดยแต่ละส่วนจะคิดเป็นคะแนนส่วนละ 800 คะแนน รวมทั้งหมด 2400 คะแนน เวลาที่ใช้ในการสอบประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

การสอบ SAT แบ่งข้อสอบออกได้ดังนี้
Verbal Section : เป็นการทดสอบในเรื่องของ Reading, Grammar และ Analytical Reasoning โดยมีรูปแบบของคำถามเป็น Analogies, Sentence Completion และ Critical Reading ข้อสอบออกแนววรรณกรรม วรรณคดีต่างประเทศ ซึ่งผู้สอบจะเจอ Passage ที่ยาวมากๆ คำศัพท์ส่วนใหญ่เป็นศัพท์สูง ศัพท์เฉพาะ (อันนี้ต้องท่องศัพท์เพิ่มกันเยอะๆ นะครับ) และน้องๆ ต้องทำข้อสอบแข่งกับเวลา เพราะจะมีระยะเวลาในการสอบแค่ 1 ชั่วโมง 15 นาที ต่อข้อสอบจำนวน 55 ข้อ

sat math
            เป็นทดสอบในเรื่องของ Algebra, Arithmetic และ Geometry โดยมีรูปแบบของคำถามแบบ Quantitative Comparisons (QCs), Regular Math และ Grid-ins เป็นคำถามคณิตศาสตร์ ทั่วๆ ไป ความรู้ประมาณ ม. 3 (การฝึกทำโจทย์เยอะๆ อย่างสม่ำเสมอ โอกาสที่จะสอบได้คะแนนเต็มก็ไม่ยากครับ) ระยะเวลาของการสอบคือ 1 ชั่วโมง 15 นาที มีข้อสอบจำนวน 55 ข้อ ข้อสอบมีทั้งแบบตัวเลือกและเติมแบบคำตอบในช่องว่าง

sat english
            เป็นการเขียน essay, grammar (error recognition) และ sentence completion โดยรูปแบบคำถามเป็นแบบปรนัยพร้อมกับการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ (ในส่วนของ Section นี้ ผู้ที่สอบส่วนใหญ่จะไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่ต่างประเทศ ส่วนมหาวิทยาลัยในประเทศไทยไม่ค่อยใช้ Part นี้ครับ

ข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบชุดเดียวกันทั่วโลก และเป็นข้อสอบที่ต้องการวัด speed และดูว่า คุณตอบได้เท่าไหร่ในเวลาจำกัด ซึ่งนักเรียนไทยจะไม่ชินเลยกับการทำข้อสอบที่จับเวลา ซึ่งจะทำให้เรามีเวลาคิดน้อยมากและหากคำนวนผิดแล้วอาจเจอคำตอบใน Choice ซึ่งจะทำให้คะแนนเราติดลบเข้าไปอีก ฉะนั้นหากข้อไหนที่น้องไม่มั่นใจว่าจะถูกไหม เว้นไว้ปลอดภัยกว่าครับ
ความรู้เพิ่มเติม sat
1. การสอบ SAT ใน Part Verbal, Math และ Writing จะมีคะแนน เต็ม Part ละ 800 คะแนน (รวม 2400 คะแนน)
2. การสอบ SAT หากตอบถูกได้คะแนนข้อละ 14.5 คะแนนหากตอบผิดถูกหักคะแนน 3.6 คะแนน
3. ผู้สอบสามารถนำดินสอ 2B + ยางลบ + ปากกา + เครื่องคิดเลข (บางชนิด) เข้าห้องสอบได้
4. ควรแต่งตัวสุภาพเมื่อเข้าสอบ (งดกางเกงยีนส์ กางเกงขาสั้น ผู้หญิงห้ามใส่กางเกง รองเท้าเปิดส้น) ห้ามนำโทรศัพท์มือถือ กระเป๋า เข้าห้องสอบ
5. การสอบ SAT มีค่าสมัครสอบ 91$ (ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต เท่านั้น)

ความแตกต่างระหว่าง sat กับ cu-aat
ข้อสอบของ SAT มีความคล้ายกันกับข้อสอบของ CU-AAT แต่มีความยากง่ายต่างกันตรงที่ ข้อสอบของ SAT Part Verbal จะมีข้อสอบที่ยากกว่า Part Verbal ของ CU-AAT แต่ในทางกลับกัน Part Math ของ CU-AAT ก็มีข้อสอบโดยรวมยากกว่าข้อสอบ Part Math ของ SAT

การสอบ SAT จะมีความยืดหยุ่นกว่าการสอบ CU-AAT มาก เนื่องจากการสอบ SAT ทางสนามสอบจะแจกข้อสอบมาให้น้องๆ พร้อมกันทุกวิชา ซึ่งผู้สอบ สามารถที่จะเลือกทำข้อสอบที่ถนัดก่อนได้ แต่สำหรับการสอบ CU-AAT แล้ว ผู้สอบต้องทำข้อสอบเป็นชุดๆ ทีละวิชา ตามเวลาที่กำหนด ไม่สามารถที่จะเลือกสอบวิชาใดวิชาหนึ่งก่อนได้ แต่ทั้งคู่ก็จะได้รับความกดดันเรื่องเวลาไม่ต่างกันครับ

 

SAT – Scholastic Assessment Test

 

Test Content

The SAT is divided into three sections: Critical Reading, Mathematics and Writing.

  1. The Critical Reading section includes sentence completions and reading passages. Students need to complete sentences by using the right words and answer multiple-choice questions based on the accompanying passages.

 

  1. The Mathematics section consists of questions on arithmetic operations, algebra, geometry, statistics and probability. The section is comprised of multiple-choice questions and questions in which students need to do calculations.

 

  1. The Writing section is split into two parts. The first one consists of multiple-choice questions while the second part includes an essay, which has to be written about a given topic.

The SAT takes 3 hours and 45 minutes to complete. In each section, candidates can earn a minimum of 200 points and a maximum of 800 points, which makes a total score of 2400 points. Both Chulalongkorn and Thammasat Universities require a minimum of at least 1,100 points for admission. If students wish to apply to a university abroad, they should check the admission requirements for their particular school of choice or ask us to assist them with their research. Anybody who is interested in taking the test can register online at http://sat.collegeboard.org/register/sat-international-dates or ask us to assist you with the registration. The SAT is offered 6 times per year in October, November, December, January, May and June.Registration is only possible for the next test date

 

ในส่วน ของ SAT สอนเฉพาะ part mathematics

 

สอนโดย  อดีตนักศึกษาแพทย์มหิดลชั้นปีที่ 6 (extern) ที่มีเกรดเฉลี่ยรวมดีเยี่ยมถึงเกณฑ์มีสิทธิ์ได้รับทุนคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นอาจารย์แพทย์ด้านการวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์(Ph.D.) ถึงระดับปริญญาเอก

ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาครูพี่ top และประกอบกิจการส่วนตัว

ติดต่อ tel : 08-4455-0520
www.kru-top.com
E-mail : topne_911@hotmail.com
kru_top@live.com
Line ID : toffykung 123
Instagram : tutortop

 

อ่านประวัติผู้สอนเต็มๆ คลิกที่นี่

ความเห็นจากเพื่อนๆที่ประสบความสำเร็จหลังจากมาเรียนกับครูพี่ top คลิกที่นี่

 

 

กวดวิชา สอนพิเศษ ติวเตอร์ เรียนพิเศษติวตัวต่อตัว เรียนพิเศษ รับสอนพิเศษ ครูสอนพิเศษ รับติว โรงเรียนกวดวิชา สถาบันกวดวิชา โรงเรียนสอนพิเศษติว สถาบันสอนพิเศษติว ติวทำเกรด ติวสอบเข้าสอบแข่งขัน ติว ติวเสริมเพิ่มเกรด ติวสอบ ติวสอบเข้า ติวตัวต่อตัว เรียนตัวต่อตัว สอนพิเศษตัวต่อตัว ครูสอนตัวต่อตัว  สอนเดี่ยว/กลุ่มย่อย  ติวเดี่ยว/กลุ่มย่อย เลข คณิต คณิตศาสตร์ วิทย์ วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ชีววิทยา SAT1 SAT2