ติวสอบPAT1 (แพท1)

คำแนะนำก่อนสอบ PAT1 (แพท1)

แนะแนวข้อสอบ pat1

            คณิตศาสตร์ถือว่าเป็นวิชาที่สำคัญมากเพราะเป็นวิชาพื้นฐานที่แทบทุกคนจะต้องเรียน และในการสอบ Entrance คณะส่วนใหญ่ก็มักจะมีการสอบวิชาคณิตศาสตร์ด้วย ซึ่งหลายคนมักจะบ่นว่า “วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ยาก”  ซึ่งในความคิดของพี่ พี่ก็เห็นด้วยครับว่ามันยากจริงๆ(ถ้าไม่รู้เทคนิคต่างๆในการทำโจทย์) ทำให้หลายคนมักจะทิ้งวิชานี้ เพราะคิดว่าอ่านไปก็ไม่ทำให้คะแนนดีขึ้นจึงนำเวลาที่เหลือไปทุ่มวิชาอื่น เช่น ภาษาอังกฤษ , เคมี และชีวะ เป็นต้น แต่ในทางกลับกันถ้าเราสามารถทำวิชาคณิตศาสตร์ได้จะทำให้เราได้เปรียบคนอื่นมากๆ ซึ่งวิชานี้ถ้าจะรู้เทคนิคต่างๆไม่ว่าจะเป็นการทำโจทย์ หรือในการสอบจะทำให้สามารถทำคะแนนได้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ก่อนอื่นถ้าเราลองดูสถิติของวิชาความถนัดทางคณิตศาสตร์ (PAT 1) ก็จะเห็นได้ว่าคะแนนเฉลี่ยของประเทศจะทำคะแนนในวิชานี้ไม่ถึง 100 จากคะแนนเต็ม 300 นั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่มักจะไม่สนใจที่จะทำคะแนนในวิชานี้ ในทางตรงกันข้ามถ้าหากน้องสามารถทำคะแนนวิชานี้ได้ดีจะทำให้ได้เปรียบเป็นอย่างมากเลยทีเดียว !

เรามาเริ่มกันที่เทคนิคการทำข้อสอบเลยดีกว่า !!!

เทคนิคในการทำข้อสอบ PAT1

 ก่อนอื่นพี่ขอแบ่งหัวข้อในข้อสอบออกเป็น 3 แบบ

1.ข้อสอบที่เน้นนิยาม

ข้อสอบในหัวข้อนี้เช่น เซต,ตรรกศาสตร์,สถิติ,กำหนดการเชิงเส้น เป็นต้น ข้อสอบแบบแรกนี้จะเป็นข้อสอบที่เน้นแต่นิยาม นั่นคือถ้าน้องๆแม่นนิยามในแต่ละเรื่อง และทำโจทย์มาบ้างพี่เชื่อว่าข้อสอบแบบนี้น้องสามารถทำได้แน่ๆเพราะมันไม่ยาก แถมยังออกซ้ำๆอยู่ทุกปี ทำให้ข้อสอบแบบนี้ พี่ขอบอกเลยว่าเป็นส่วนที่น้องควรจะเก็บให้ได้มากที่สุด (นั่นคือน้องควรจะทำข้อสอบพวกนี้ก่อนเป็นอันดับแรก)

2.ข้อสอบที่เน้นการทำโจทย์

ข้อสอบในหัวข้อนี้เช่น จำนวนจริง,ความน่าจะเป็น,ฟังก์ชันเอ็กโปเนนเชียล และล็อกการิทึม,ลิมิตและความต่อเนื่อง เป็นต้นข้อสอบแบบนี้จะเน้นประสบการณ์จากการทำโจทย์ ซึ่งน้องๆจะต้องทำโจทย์มาพอสมควรซึ่งข้อสอบแบบนี้ถ้าจับหลักได้ก็จะสามารถทำได้ซึ่งโจทย์ให้น้องๆลองเอาข้อสอบเก่าๆมาลองทำจะทำให้สามารถเห็นแนวทาง และรูปแบบ (ข้อสอบแบบนี้น้องควรจะทำต่อจากข้อสอบที่เน้นนิยาม)

3.ข้อสอบที่เน้นการฝัน

ข้อสอบในหัวข้อนี้เช่น ลำดับอนุกรม,ตรีโกณมิติ,จำนวนเชิงซ้อน เป็นต้นข้อสอบแบบนี้ถือว่าออกแนวยากๆ ประมาณว่าจะต้องมีประสบการณ์มาก หรือบังเอิญคิดออกเพราะมันจะออกเปลี่ยนแนวไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อยากนะ ลองดูๆถ้าเปนแนวที่คุ้นๆที่เราเคยทำมาบางทีก็อาจจะง่ายก็ได้ (ข้อสอบแบบนี้น้องควรจะทำเปนอันดับสุดท้าย)

ก่อนจะเริ่มทำข้อสอบสิ่งสำคัญอีกอย่างนึงคือต้องอ่านคำชี้แจงในการสอบก่อนทุกครั้งเพราะว่าบางทีอาจจะมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่น้องไม่รู้เช่น การฝนทศนิยม,การเลือกตอบ เป็นต้น ข้อสอบจะมีทั้งหมด 50 ข้อให้เวลา 3 ชม ซึ่งพี่บอกได้เลยว่ายังไงก็ทำไม่ทันแน่ๆ( ยกเว้นน้องเป็นพระเจ้าจริงๆ ) เพราะฉะนั้นถ้าข้อไหนทำไม่ได้หรือคิดว่าน่าจะทำไม่ได้ให้ข้ามไปทันที แล้วค่อยวนมาดูอีกรอบ เน้นทำข้อที่ทำได้ก่อนจะทำให้มีกำลังใจในการทำต่อไปซึ่งตอนเริ่มให้เริ่มจากตอนเติมคำก่อนเพราะว่าคะแนนมากกว่า แถมถ้าหมดเวลา ในส่วนของข้อสอบช้อยเรายังสามารถมั่วหรือตัดตัวเลือกได้ทำให้สามารถเก็บคะแนนมาได้อีกนิด

แนะนำ สมมุติว่าน้องเหลือเวลาทำข้อสอบ 10 นาที กับข้อสอบอีกทั้งหมด 10 ข้อให้น้องตั้งสติเลิกคิดที่จะทำข้อสอบให้ครบ 10 ข้อ ให้น้องมองข้อสอบ ทั้ง 10 ข้อแล้วเลือกมาสัก 3 ข้อที่ดูง่ายและทำได้แน่ๆ แล้วก็ลงมือทำแบบไม่สน 7 ข้อที่เหลือซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้สามารถเก็บคะแนนมาได้บ้างจาก 10 นาทีสุดท้ายซึ่งบางคนกะว่าไงก็ต้องทำให้ครบ 10 ข้อให้ได้จะทำให้เกิดอาการรนและสุดท้ายทั้ง 10 ข้อนั้นจะไม่ได้คะแนนเลยสักข้อ

แต่เดี๋ยวก่อนพี่พูดเรื่องการสอบมาตั้งนาน ที่ขึ้นส่วนนี้มาก่อนก็เพราะว่าอยากจะให้น้องเห็นภาพว่าตอนสอบที่จริงแล้วนั้นเป็นยังไง จะได้เห็นภาพรวมๆกับสิ่งที่เรากำลังจะไปพบเจอ แต่ก่อนหน้าที่เราจะสอบก็คือเราต้องอ่านหนังสือใช่ไหมครับ เราต้องยอมรับครับว่าวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องฝึกฝนเช่นเดียวกับวิชาอื่นครับ ไม่มีท่าพิเศษอะไรที่จะทำให้เราเก่งขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นก็ต้องอ่านเยอะๆ ทำเยอะๆครับ และสุดท้ายมีก็มีเทคนิคในการอ่านหนังสือสอบวิชาคณิตศาสตร์มาฝากครับ แต่เพราะเทคนิคการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบแต่ละวิชาก็จะคล้ายๆกัน ดังนั้นพี่ก็จะเล่าโดยรวมๆละกันนะครับ เพื่อน้องจะได้เอาไปประยุกต์ใช้กับวิชาอื่นได้ด้วย

 เทคนิคในการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ 

1. ตั้งสติ คิดว่าวิชานี้เป็นวิชาที่ไม่ยากถ้าตั้งใจทำ รวบรวมกำลังใจจากพ่อแม่, เพื่อน, แฟน เป็นต้น คิดซะว่าพยายามเพื่ออนาคตของตัวเอง

2. เมื่อมีทั้งกำลังใจ และสติแล้ว ให้เริ่มจากการ list หัวข้อที่ใช้ออกสอบมาก่อนว่ามีอะไรบ้าง

3. อ่านเลยครับ เอาให้ get concept ทั้งหมด ทำแบบฝึกหัดประกอบไปด้วยก็ดีครับ เพื่อความเข้าใจ

4. หลังจากนั้นเราจะรู้ตัวครับว่าเราไม่ถนัดเรื่องไหน ก็ให้พยายามทำโจทย์เรื่องนั้นเพิ่มให้มากๆจากหนังสือตะลุยโจทย์ หรือหนังสือที่แบ่งเป็นเล่มๆก็ได้ครับ แต่ถ้าเรื่องไหนถนัดแล้วก็ทำโจทย์บ้างกันลืม ( ถ้ามีเวลา ลองทำข้อสอบปีเก่าๆสักชุดจะดีมากเพราะผลที่ออกมามันจะชัดว่าทำวิชาไหนได้-ไม่ได้ยังไง )

5.เมื่อทำโจทย์จนคิดว่าคล่องพอตัวแล้วให้ลองทำข้อสอบจริงย้อนหลัง (อันนี้สำคัญมากเพราะมันจะทำให้เรารู้ว่า 50 ข้อกับ 3 ชมนี้เวลามันไม่พอจิงๆ ทำให้เวลาทำข้อสอบจิงเราสามารถกะเวลาได้)

6.คืนก่อนสอบขอให้นอนเร็วๆ พักผ่อนเยอะๆจะทำให้สมองปลอดโปร่ง สามารถทำข้อสอบได้ดี

สุดท้ายนี้ก็ขอให้น้องๆทุกคนโชคดีในการสอบนะครับ     “ คนที่เก่งกว่าเรา คือเราในวันพรุ่งนี้ ”

ปล . ถ้าเมื่อไหร่รู้สึกท้อแท้ หรือหมดกำลังใจให้ลองพักสักนิด แล้วย้อนกลับไปทำข้อ 1 ใหม่

Cr.superposition

 

ข้อสอบ PAT1 คืออะไร?

ตอบสั้น มันคือ “ข้อสอบเลขสุดอำมหิต” ที่สุดของการสอบแอดมิชชั่น T-T

ตอบยาว  PAT1 “ข้อสอบวัดความถนัดทางคณิตศาสตร์” เป็นวิชาเลขของการสอบ GAT/PAT และเป็นโจทย์เลขที่ยากที่สุดในการสอบแอดมิชชั่น (ยากกว่าข้อสอบเลขโอเน็ตหรือ 7 วิชาสามัญ) ชนิดที่ใครได้คะแนน PAT1 เยอะๆ ก็เรียกได้เลยว่า “เก่งเลข” ดังนั้น คณะไหนที่ต้องคิดเลขหรือใช้ตรรกะเยอะๆ เช่น บัญชี เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ก็จะคัดนักศึกษาจากคะแนน PAT1 เป็นหลัก โดย สทศ. จะจัดสอบ PAT1 พร้อม GAT/PAT วิชาอื่นๆ ปีละ 2 ครั้ง  ช่วงต้นเดือนธันวาคม และต้นเดือนมีนาคมของทุกปี

ข้อสอบ PAT1 หน้าตายังไง?

จากปีล่าสุด ข้อสอบมี 45 ข้อ  เต็ม 300 คะแนน เวลาทำ 3 ชั่วโมง  แบ่งเป็นช้อยส์สี่ตัวเลือก 30 ข้อ (180 คะแนน) และโจทย์เติมคำตอบเป็นตัวเลขหรือทศนิยมสั้นๆ  15 ข้อ (120 คะแนน)  ลองดูข้อสอบชัดๆ พร้อมเฉลยละเอียดที่นี่ >>คลิก(รอหน่อยนะเดี๋ยวแปะลิ้งค์ให้)

เนื้อหา PAT1 จะมีทั้งเลขหลักและเลขเสริมครบทั้ง 17 บท มีสัดส่วนคะแนนตามปีก่อนๆ ดังนี้

สัดส่วนจำนวนข้อในแต่ละบทที่ออกใน pat1

 

สีเขียว ออกมากสุด 7 ถึง 11 ข้อ ควรอ่าน โดยเฉพาะบทสถิติที่จำสูตรได้ก็ทำได้

สีส้ม ออกมาก  7 ถึง 8 ข้อ เลือกบทที่ถนัดได้ ทิ้งได้บางบท เช่น ลำดับและอนุกรม ที่ยาก

สีฟ้า ออกแน่  กระจายๆ กันไป โดยมากเป็นพื้นฐาน อาจมีโจทย์พลิกแพลง ควรคัดข้อยาก-ง่าย

สีม่วง ออกน้อย ไม่เกิน 1 ข้อ แต่ออกเกือบทุกปี โดยเฉพาะกำหนดการเชิงเส้น ที่ไม่มีพลิกแพลงเลย

สีเทา ออกมั่ว คือโจทย์แปลกๆ ที่ไม่มีในบทเรียน ถ้ามองแว้บแรกไม่ออก ข้ามเลยห้ามเสียเวลา

 

คณะไหนบ้างต้องยื่น PAT1?

มหาวิทยาลัยที่ใช้คะแนนสอบpat1

รับตรง จากข้อมูลรับตรงปี 57 เช่น

  • จุฬา :  บัญชีจุฬาและบริหารธุรกิจ ใช้ PAT1 เป็นสัดส่วน 50%, เศรษฐศาสตร์ 40% ขั้นต่ำ 75 คะแนน, นิติศาสตร์ 20% ขั้นต่ำ 120 คะแนน, วิศวะ 20%
  • ธรรมศาสตร์ :   ทันตแพทย์ ใช้ PAT1 40% ขั้นต่ำ 90 คะแนน, วิศวะ รอบแรก 20%
  • มหิดล : แพทย์รามา, ICT นานาชาติ 20%
  • เกษตร : วิทย์คอม ใช้ PAT1 40%, เศรษฐศาสตร์, นิติศาสตร์, จิตวิทยา 10%,
  • พระจอมเกล้าพระนครเหนือ : วิทยาศาสตร์ประยุกต์, วิทย์คอม, สถิติประกันภัย, บริหารธุรกิจ
  • ฯลฯ

รับกลาง จากข้อมูลสัดส่วนคะแนนแอดมิชชั่นปี 57

  • ทันตแพทย์ศาสตร์และวิทยาศาสตร์ PAT1 เป็นสัดส่วน 10%
  • เทคโนโลยีสารสนเทศ PAT1 เป็นสัดส่วน 20%
  • คณะบริหารธุรกิจ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี คณะเศรษฐศาสตร์ PAT1 เป็นสัดส่วน 20%
  • คณะเกษตรศาสตร์ วนศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร เทคโนโลยีเกษตร PAT1 เป็นสัดส่วน 10%
  • คณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ เลือกใช้ PAT1 เป็นสัดส่วน 20%
  • คณะนิเทศศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ เลือกใช้ PAT1 เป็นสัดส่วน 20%

*ย้ำว่าข้อมูลนี้เป็นของปี 57 นะ น้องๆ ต้องเข้าไปดูประกาศปีล่าสุดของ สทศ.>>clickเข้าwebสทศ.(GAT/PAT) และแต่ละคณะอีกที อย่าลืมล่ะ

 

คะแนน PAT1 สำคัญขนาดไหน?

สำคัญมาก! เพราะ PAT 1 เป็นข้อสอบที่ยากที่สุดในบรรดาตระกูล GAT/PAT ทั้งหมด  ปีล่าสุดคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 55.3 คะแนนเท่านั้นจากเต็ม 300 คะแนน!!  นั่นแปลว่า แค่เราทำคะแนน PAT1 ให้ได้มากกว่าเพื่อนคนอื่นสัก 2-3 ข้อ (10 – 20 คะแนน) เราก็จะวิ่งนำคู่แข่งไปแล้วกว่า  150,000 คน !! หรือถ้าเราต้องการเข้าคณะยากๆ แค่ทำคะแนน PAT1 ให้ได้ 130 คะแนน เราก็จะติดอับดับ TOP 2%  ของทั้งประเทศแล้ว!

PAT1 สถิติคะแนน

ที่เจ๋งไปกว่านั้น คือคนทั่วๆ ไปพอรู้ว่าข้อสอบ PAT1 ยากและมีผลในการจัดลำดับเยอะ ( ใช้ 20-50% ทั้งรับตรงและรับกลาง) ก็จะตกใจและทุ่มอ่านเนื้อหาคณิตศาสตร์ทั้ง 17 บท แต่เขาไม่รู้ว่า โอกาสจะเก็บได้ครบทั้ง 17 บทนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะความยากของ PAT1 ที่ว่านั้น ยากระดับโจทย์โอลิมปิกเลยทีเดียว ในปีก่อนมีคนได้คะแนนเกิน 180 แค่ 513 คนเท่านั้น (จากผู้สอบเกือบสองแสนคน) คนที่จะเก็บแบบนี้ได้ ต้องเป็นเด็กโอลิมปิก เด็กโครงการ หรือติวเตอร์ที่เข้ามาเก็บข้อสอบเท่านั้น

 

ดังนั้น คนที่รู้ทัน PAT1 แบบน้องๆ ก็จะได้เปรียบมาก เพราะแทนที่เราจะไปไล่เก็บทั้งหมด เราก็เลือกเก็บเฉพาะบทที่เราถนัดๆ ให้คะแนนถึงเป้าคณะที่เลือกก็พอ (ประมาณ 90 – 150 คะแนน แล้วแต่ความฮ็อทของคณะ) ในขณะที่คนอื่นไล่อ่าน 17 บทแบบผิวเผิน เราก็อ่านแค่ 8-10 บทแบบเจาะลึก เลือกอ่านหัวข้อที่การันตีคะแนนก่อน อ่านแค่ครึ่งเดียว แต่ได้คะแนนชัวร์ๆ มากกว่าคนที่อ่านทั้งหมด 〈( ^.^)ノ

Cr.https://www.opendurian.com/news/what_is_pat1/

 

การเตรียมสอบ PAT1

1. ข้อสอบ PAT1 ยากประมาณไหน?

จะเตรียมตัวสอบได้อย่างถูกต้องก็จำเป็นต้องรู้ว่า ข้อสอบนั้นยากประมาณไหนใช่ไหมละครับ ไม่เช่นนั้นจะไปเตรียมตัวกันถูกได้อย่างไร คำตอบก็คือ ความยากของข้อสอบ PAT1 นั้นอยู่ในระดับที่ถือว่ายากที่สุดในบรรดาการสอบแอดมิชชั่นวิชาคณิตศาสตร์เลยละ โดยข้อสอบ PAT1 นั้นยากกว่าข้อสอบ O-NET และยากกว่า 7 วิชาสามัญด้วยครับ ดังนั้นถ้าอยากได้คะแนน PAT1 สูงๆ เห็นทีจะต้องทุ่มเทให้มากหน่อยนะครับ

2. เรื่องที่ออกเยอะ

แน่นอนว่าถ้าหากว่าน้องๆมีเวลาในการเตรียมตัวเหลือเฟือ การอ่านเนื้อหาทุกๆบทอย่างเข้มข้นย่อมดีกว่าการเก็งเฉพาะบทอยู่แล้ว แต่สำหรับหลายๆคนที่อ่านไม่ทัน ไม่พร้อมสอบ ขอให้น้องๆให้ความสำคัญกับหัวข้อเรื่องเหล่านี้ครับ เพราะเป็นหัวข้อที่ออกข้อสอบเยอะ และเก็บคะแนนได้ไม่ยากเลยละ ได้แก่ สถิติ ลำดับและอนุกรม ตรีโกณมิติ แคลคูลัส และความน่าจะเป็น 5 บทนี้ออกข้อสอบเยอะที่สุดในปีที่ผ่านๆมา ดังนั้นขอให้น้องโฟกัสในบทเหล่านี้ก็จะช่วยให้สามารถทำคะแนน PAT1 ได้สูงขึ้นอย่างแน่นอน

3. บทที่ต้องระวัง!!

ถ้าพูดถึงหัวข้อที่ออกข้อสอบมาแล้วทำให้นักเรียนงงได้มากที่สุดหัวข้อหนึ่งคือ “ความน่าจะเป็น” แม้ว่าในบางครั้งโจทย์ก็ดูเหมือนจะง่ายแสนง่าย แต่หลายๆครั้งเมื่อคิดเร็วมากๆก็จะทำให้คำนวนพลาด และได้คำตอบที่ไม่ถูกต้องได้บ่อยเลยละ ดังนั้นการทำโจทย์เรื่องนี้ พี่แนะนำให้น้องๆคิดให้ละเอียดรอบคอบ เพราะโจทย์ที่ดูง่ายๆ อาจจะมีหลุมพลางอยู่เยอะมากจนเราคิดไม่ถึงเลยละครับ

4. อย่าลืมจับเวลา

ในขั้นตอนการเตรียมตัวสอบ PAT1 ไม่ว่าน้องจะไป ติวPAT1 ที่ไหนมาก็ลืมกลับมาลองฝึกจับเวลาในการทำโจทย์เองที่บ้านด้วยละครับ เพราะในปีหลังๆจำนวนข้อสอบเมื่อเทียบสัดส่วนกับเวลาที่ให้มาแล้วนั้นค่อนข้างทีจะเป็น Speed Test อย่างมากเลยละ ดังนั้นถ้าไม่เคยลองฝึกจับเวลาในการทำข้อสอบแล้วละก็ อาจจะทำให้น้องๆทำข้อสอบในสนามสอบจริงไม่ทันได้นะครับ

5. หมั่นทำโจทย์เยอะๆๆ

น้องๆหลายคนเลือกที่จะไป ติวPAT1 ตามที่ต่างๆมากมาย บางคนติวเกือบทั้งวัน แต่ไม่ได้กลับมาลองฝึกทำโจทย์เองเลย นั่นเป็นการเตรียมสอบที่ไม่ดีเท่าไหร่เลยละ เพราะวิชาคณิตศาสตร์นั้นเป็นวิชาที่ต้องอาศัยการฝึกฝนทำโจทย์ให้เยอะๆ เพื่อให้เห็นรูปแบบโจทย์ที่หลากหลาย เมื่อต้องทำโจทย์ในห้องสอบก็จะสามารถคิดได้เร็วขึ้น ดังนั้นใครที่เลือกที่จะไป ติวPAT1 เกือบทั้งวัน เมื่อกลับถึงบ้านก็อย่าลืมแบ่งเวลาส่วนหนึ่งไว้ฝึกทำโจทย์ด้วยตนเองด้วยนะครับ

นี่ก็คือ การเตรียมสอบ PAT1 คร่าวๆที่พี่ๆนำมาฝากน้องๆทุกคนนะครับ ขอให้น้องๆนำไปลองปฏิบัติตามและเก็บคะแนนให้ได้เยอะๆกันทุกคนนะครับ ใครมีเทคนิคดีๆอื่นๆแชร์กันในคอมเม้นเลยครับ

 

Cr.http://www.top-atutor.com/15104756/%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A-pat1

 

ในส่วน ADMISSION สอนวิชา PAT1 (คณิตศาสตร์)   PAT2 (วิทยาศาสตร์ : ฟิสิกส์ , เคมี , ชีวะ)   PAT3 (ความถนัดทางวิศวกรรมศาสตร์)

 

สอนโดย  อดีตนักศึกษาแพทย์มหิดลชั้นปีที่ 6 (extern) ที่มีเกรดเฉลี่ยรวมดีเยี่ยมถึงเกณฑ์มีสิทธิ์ได้รับทุนคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นอาจารย์แพทย์ด้านการวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์(Ph.D.) ถึงระดับปริญญาเอก

ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาครูพี่ top และประกอบกิจการส่วนตัว

ติดต่อ tel : 08-4455-0520
www.kru-top.com
E-mail : topne_911@hotmail.com
kru_top@live.com
Line ID : toffykung 123
Instagram : tutortop

 

อ่านประวัติผู้สอนเต็มๆ คลิกที่นี่

ความเห็นจากเพื่อนๆที่ประสบความสำเร็จหลังจากมาเรียนกับครูพี่ top คลิกที่นี่

 

 

กวดวิชา สอนพิเศษ ติวเตอร์ เรียนพิเศษติวตัวต่อตัว เรียนพิเศษ รับสอนพิเศษ ครูสอนพิเศษ รับติว โรงเรียนกวดวิชา สถาบันกวดวิชา โรงเรียนสอนพิเศษติว สถาบันสอนพิเศษติว ติวทำเกรด ติวสอบเข้าสอบแข่งขัน ติว ติวเสริมเพิ่มเกรด ติวสอบ ติวสอบเข้า ติวตัวต่อตัว เรียนตัวต่อตัว สอนพิเศษตัวต่อตัว ครูสอนตัวต่อตัว  สอนเดี่ยว/กลุ่มย่อย  ติวเดี่ยว/กลุ่มย่อย